ประกาศขายโรงแรม ใน ประเทศไทย

อย่างที่เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งเมืองจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม และ มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของไทย ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา กรุงเทพฯ และ ทางตอนใต้ของไทย เช่น เกาะสมุย และ ภูเก็ต เป็นต้น นอกจากชื่อเสียงเรื่องจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแล้ว ประเทศไทยยังมีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมการบริการต่างๆ ด้วยสถานที่พักผ่อนที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ ที่ด้วยความอบอุ่น และ เป็นกันเอง  ด้วยเหตุนี้เอง อุตสาหกรรมการโรงแรม และ รีสอร์ทของประเทศไทย จึงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นอันดับต้นๆ ส่งผลให้ในประเทศไทย มีจำนวนโรงแรม/รีสอร์ท เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ราคาประหยัด ไปจนถึงโรงแรม/รีสอร์ท หรู ระดับ 5-6 ดาว ในราคาแพง  

ด้วยจุดเด่นของการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์มากมาย ต่างให้ความสนใจลงทุนซื้อ และ ขายโรงแรม/รีสอร์ท อยู่ไม่น้อย ทั้งนี้เนื่องจากที่โรงแรม และ รีสอร์ทในไทยนั้น มีอัตราการเจริญเติบโตที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลปี 2018 พบว่า จำนวนโรงแรม และ รีสอร์ทในประเทศไทยได้เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อ 3 ปีก่อน อยู่ที่ประมาณ 900 กว่าที่ และคาดว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี 

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา (จากปี 2564) พบว่าตลาดซื้อ-ขายโรงแรมในประเทศไทย ได้มียอดรวมมูลค่าการซื้อ-ขายเพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2563 มากถึง 5 เท่า ซึ่งสามารถตีเป็นมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งคาดว่าในอนาคต ตลาดซื้อ-ขาย โรงแรม/รีสอร์ทในประเทศไทยจะยิ่งเจริญเติบโตไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการฟื้นตัวของตลาดการท่องเที่ยวของประเทศไทยจากช่วงโควิด-19 ด้วยนั่นเอง 

รูปแบบ โรงแรม/รีสอร์ท

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยประเภทโรงแรม และ รีสอร์ทนั้น ถือว่าเป็นประเภทอสังหาฯ ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ และ รายเล็กค่อนข้างสูง และเนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้สนใจทำธุรกิจอสังหาฯ ในการซื้อโรงแรม/รีสอร์ทเพื่อปล่อยเช่า และ ขายอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะทำการลงทุนซื้อ-ขาย โรงแรม และ รีสอร์ทนั้น จำเป็นต้องทำความรู้จักกับประเภท โรงแรม และ รีสอร์ท กันก่อน ซึ่งโรงแรม และ รีสอร์ท สามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้ 

ประเภทโรงแรม / รีสอร์ท 

จริงๆ แล้ว โรงแรมไม่ได้มีมาตรฐานชัดเจนในการแบ่งประเภท ถึงกระนั้นในวงการผู้ประกอบการโรงแรมมักจะนิยมจัดประเภทโรงแรม ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการบริการ และ การบริหารภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม การจัดประเภทของโรงแรมยังขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการโรงแรม และ ประเทศที่ตั้งของโรงแรมนั้นๆ ด้วย

ซึ่งวิธีการจัดประเภทของโรงแรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้ถูกแบ่งไว้ในหนังสือ ‘Managing Front Office Operations’ ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้

• โรงแรมเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Hotels)
• โรงแรมสนามบิน (Airport Hotels)
• โรงแรมห้องสูท (Suite Hotels)
• โรงแรมเน้นแขกพักประจำ (Residential Hotels)
• โรงแรมรีสอร์ต (Resort Hotels)
• โรงแรมซึ่งจัดห้องพักและอาหารเช้า (Bed and Breakfast)
• โรงแรมคอนโดมิเนียม
• โรงแรมบ่อนการพนัน (Casino Hotels)
• ศูนย์ประชุม (Conference Centers)

ซึ่งแต่ละประเภทโรงแรมนั่น ต่างมีสภาพแวดล้อม ทัศนียภาพ สถานที่ตั้ง และกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ประเภท โรงแรมรีสอร์ต (Resort Hotels)  มักจะตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยว เน้นบรรยากาศสำหรับการพักผ่อนทางธรรมชาติอย่างแท้จริง เช่น บริเวณริมทะเล และ บนเขา เป็นต้น ในส่วนของการตกแต่งภายในของโรงแรมประเภท โรงแรมรีสอร์ต (Resort Hotels) จะค่อนข้างโปร่งโล่ง และ มีการตกแต่งโดยใช้สระว่ายน้ำ สปา และ สวน นั่นเอง โรงแรมประเภทดังกล่าว จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว อย่างเช่น ปีใหม่ และ สงกรานต์ เป็นต้น 

ราคาขายอาคารพาณิชย์ 

ราคาโรงแรม/รีสอร์ท ในปัจจุบัน มีหลากหลายราคา แบ่งไปตามเซกเมนต์ และ ประเภทของโรงแรม/รีสอร์ทนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ราคาจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับระดับโรงแรม/รีสอร์ท ขนาดความสูง และ ทำเลที่ตั้งของโครงการด้วย

ในทำเลที่เรียกได้ว่าเป็นทำเลเนื้อหอมสำหรับนักลงทุนอสังหาฯ ชาวต่างชาติ ได้แก่ ภูเก็ต กรุงเทพฯ และ เกาะสมุย นั้น จะมีราคาขายโรงแรม และ รีสอร์ทค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ล็อกดาวน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ราคาขายโรงแรมและรีสอร์ทมีราคาที่ต่ำลง เช่นในจังหวัดภูเก็ต และ เกาะสมุยนั้น ราคาโรงแรมมีมูลค่าส่วนลดอยู่ที่ 30% ในขณะที่ราคาโรงแรมในกรุงเทพฯ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากในตลาดมีการแข่งขันกันสูงพอสมควร

ปัจจุบันมูลค่าการลงทุนของโรงแรมมีมูลค่าที่แตกต่างกัน ซึ่งโรงแรมขนาดใหญ่ หรือ โรงแรมระดับ 4-6 ดาว จะมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1,000-10,000 ล้านบาท ส่วนโรงแรมระดับ 3 ดาวนั่น มีราคาขายอยู่ที่ 500-1,000 ล้านบาท ในขณะที่โรงแรมขนาดเล็กมักจะมีราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ 27-100 ล้านบาท นั่นเอง 

โอกาสการลงทุนโรงแรม/รีสอร์ท 

แม้ว่าธุรกิจการโรงแรม และ รีสอร์ทจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 แต่ด้วยรากฐานด้านตลาดการท่องเที่ยวของไทยที่แข็งแกร่ง รวมถึงความสามารถในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ต่างมีความเชื่อมั่นในความมั่นคงของธุรกิจการท่องเที่ยวไทย และกระตือรือร้นที่จะลงทุนในตลาดอสังหาฯ ประเภทบริการ กันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ขาย และ ปล่อยเช่า โรงแรม/รีสอร์ท 

จากข้อมูลเมื่อปี 2564 พบว่า การลงทุนซื้อ-ขาย โรงแรมในประเทศไทย มีมูลค่าสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 5 เท่า และยังเป็นมูลค่าที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยการลงทุนซื้อขายโรงแรม และ รีสอร์ทของประเทศไทยในช่วง 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2552-2562) ซึ่งมีค่าเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่าการลงทุนซื้อ-ขายโรงแรมในประเทศไทยในปัจจุบันได้มีการปรับตัวที่ดีขึ้นแล้ว โดยได้กลับไปที่ระดับก่อนสถานการณ์โรคโควิด-19 เลยทีเดียว ข้อมูลดังกล่าวแสดงในเห็นถึงศักยภาพของตลาดอสังหาฯ ประเภทโรงแรม และ รีสอร์ทของไทย